
การทำงานของ
AIR SUPPLY SYSTEM
ระบบ HVAC (Heating, Ventilation และ Air Conditioning) เป็นระบบที่สำคัญในอาคารและโรงงานอุตสาหกรรม โดยมีหน้าที่ควบคุมสภาพแวดล้อมภายในอาคารให้เหมาะสมกับการใช้งาน การออกแบบระบบ HVAC ต้องคำนึงถึงหลายปัจจัย เช่น ขนาดและประเภทของอาคาร จำนวนผู้ใช้งาน กิจกรรมที่จะทำภายในอาคาร คุณภาพอากาศที่ต้องการ และสภาพภูมิอากาศภายนอกอาคาร
การออกแบบระบบ HVAC ที่ดีจะช่วยให้อาคารหรือโรงงานอุตสาหกรรมมีสภาพแวดล้อมที่ดี และช่วยลดการใช้พลังงานและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน โดยทั่วไปการออกแบบจะประกอบด้วยการวิเคราะห์ความต้องการ การคำนวณภาระการทำความร้อนและความเย็น การเลือกอุปกรณ์ที่เหมาะสม เช่น คอมเพรสเซอร์ คอยล์ร้อน และพัดลม และการออกแบบระบบควบคุมและระบายอากาศที่เหมาะสม
นอกจากนี้ การออกแบบระบบ HVAC ยังต้องคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัยและมาตรฐานการก่อสร้างที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้แน่ใจว่าระบบทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน และยังช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยการลดการใช้พลังงานและลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก การออกแบบและติดตั้งระบบ HVAC ที่ดีจะช่วยให้อาคารหรือโรงงานอุตสาหกรรมมีอายุการใช้งานยาวนานและลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาในระยะยาว
..........

มีอะไรติดตั้งอยู่ข้างในระบบ?
AIR SUPPLY SYSTEM




BLOWER EXHAUST
พัดลมดูดอากาศ อุตสาหกรรม
FILTER
แผ่นกรอง
COOLING PAD
แผงรังผึ้ง
พัดลมดูดอากาศ (Blower exhaust) ดูดอากาศจากภายนอกเข้ามาในระบบ โดยใช้แรงดันและอัตราการไหลของอากาศที่เหมาะสม ตามหลักการของวิศวกรรมอากาศ อากาศที่ดูดเข้ามาจะผ่านกระบวนการกรองชั้นแรก โดยใช้ตัวกรองอากาศ (Filter) ที่มีคุณภาพสูง เพื่อกรองฝุ่นละอองและสิ่งปนเปื้อนอื่นๆ ในอากาศ โดยมีค่าความสามารถในการกรอง (Efficiency) ที่กำหนดไว้ตามมาตรฐาน
หลังจากนั้น อากาศที่ผ่านการกรองชั้นแรกจะเข้าสู่กระบวนการปรับอุณหภูมิ โดยใช้แผงรังผึ่ง (Cooling pad) ที่มีน้ำไหลหมุนเวียนอยู่ภายใน แผงรังผึ่งนี้จะช่วยปรับอุณหภูมิของอากาศให้เหมาะสม โดยใช้หลักการของการถ่ายเทความร้อน (Heat Transfer) และยังช่วยกรองอากาศเพิ่มเติมในกระบวนการนี้ ซึ่งถือเป็นกระบวนการกรองชั้นที่สอง
สุดท้าย อากาศที่ผ่านกระบวนการเหล่านี้จะถูกส่งไปยังท่อส่งอากาศและกระจายไปยังห้องต่างๆ ในไลน์ผลิตหรือห้องทำงานในอุตสาหกรรม โดยผ่านหัวจ่ายลมที่ติดตั้งอยู่ในแต่ละห้อง โดยมีระบบควบคุมการไหลของอากาศ (Airflow Control) เพื่อให้ได้อัตราการไหลของอากาศที่เหมาะสมและควบคุมความดันอากาศในระบบได้อย่างแม่นยำ ตามหลักวิศวกรรมอากาศและมาตรฐานความปลอดภัย
ระบบแลกเปลี่ยนอุณหภูมิน้ำในกระบวนการปรับอากาศทำงานโดยอาศัยหลักการถ่ายเทความร้อน (Heat Transfer) และการไหลเวียนของของไหล (Fluid Flow) น้ำที่ใช้แลกเปลี่ยนอุณหภูมินั้น หลังจากที่ใช้แลกเปลี่ยนแล้ว จะอยู่ในสถานะน้ำร้อนหรืออุณหภูมิห้อง น้ำนี้จะถูกส่งไปยังถังเก็บน้ำร้อนโดยปั๊มน้ำ ซึ่งถังเก็บน้ำร้อนนี้จะเก็บน้ำร้อนที่มาจากกระบวนการแลกเปลี่ยนอุณหภูมิน้ำ
น้ำในถังเก็บน้ำร้อนจะถูกส่งไปยังหอหล่อเย็น (Cooling tower) เพื่อลดอุณหภูมิ โดยใช้ปั๊มในการสูบน้ำเข้าสู่ระบบทำความเย็น หอหล่อเย็นจะใช้น้ำและอากาศในการแลกเปลี่ยนอุณหภูมิน้ำ โดยอาศัยหลักการของการถ่ายเทความร้อนแบบคอนเวคชัน (Convection) และอีแวปปอเรชัน (Evaporation) ทำให้น้ำร้อนถูกทำให้เย็นลง
หลังจากที่น้ำผ่านกระบวนการทำความเย็นแล้ว น้ำจะถูกส่งไปยังถังพักน้ำเย็น ซึ่งถังพักน้ำเย็นนี้จะเก็บน้ำเย็นที่มาจากหอหล่อเย็น ปั๊มจะสูบน้ำเย็นจากถังพักน้ำเย็นไปยังระบบปรับอากาศ เพื่อใช้ในการแลกเปลี่ยนอุณหภูมิน้ำอีกครั้ง โดยน้ำเย็นจะถูกใช้ในการลดอุณหภูมิของอากาศหรือของเหลวอื่นๆ ในกระบวนการปรับอากาศ โดยอาศัยหลักการของการถ่ายเทความร้อนแบบคอนดักชัน (Conduction) และคอนเวคชัน (Convection)
ระบบนี้ช่วยให้สามารถนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยลดการสิ้นเปลืองน้ำในกระบวนการปรับอากาศ นอกจากนี้ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและบำรุงรักษาระบบปรับอากาศอีกด้วย โดยการออกแบบและควบคุมระบบให้เหมาะสมกับความต้องการและเงื่อนไขการทำงานตามหลักวิศวกรรม

COOLING TOWER
หอหล่อเย็น

WATER TANK
ถ้งเก็บน้ำเย็น

WATER PUMP
ปั็มน้ำ

เกจวัดเเรงน้ำ
PRESSURE GAGE

เกจวัดเเรงดันลม
DIFFERENT PRESSURE GAUGE
อุปกรณ์แสดงผลเป็นส่วนสำคัญของระบบปรับอากาศและระบบจ่ายอากาศ โดยมีหน้าที่แสดงผลการทำงานของระบบและช่วยให้สามารถตรวจสอบและควบคุมระบบได้อย่างแม่นยำ อุปกรณ์แสดงผลที่ใช้ในระบบนี้ ได้แก่
1. เกจวัดแรงดันน้ำ (Pressure Gauge) ใช้แสดงผลการทำงานของปั๊มและแรงดันของน้ำในระบบ เกจวัดแรงดันน้ำจะช่วยให้สามารถตรวจสอบได้ว่าปั๊มทำงานอย่างถูกต้องและแรงดันน้ำอยู่ในระดับที่เหมาะสม หากแรงดันน้ำต่ำเกินไป อาจบ่งบอกถึงปัญหาเกี่ยวกับปั๊มหรือระบบท่อ ในขณะที่แรงดันน้ำสูงเกินไป อาจบ่งบอกถึงปัญหาเกี่ยวกับวาล์วหรือระบบควบคุม
2. เกจวัดแรงดันลม (Differential Pressure Gauge) ใช้แสดงผลการอุดตันของถุงกรองที่อยู่ในระบบจ่ายอากาศ (Air Supply) เกจวัดแรงดันลมจะช่วยให้สามารถตรวจสอบได้ว่าถุงกรองทำงานอย่างถูกต้องและไม่มีการอุดตัน หากแรงดันลมที่อ่านได้สูงเกินไป อาจบ่งบอกถึงการอุดตันของถุงกรองหรือปัญหาเกี่ยวกับระบบจ่ายอากาศ ซึ่งจะช่วยให้สามารถดำเนินการบำรุงรักษาและแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
การใช้อุปกรณ์แสดงผลเหล่านี้จะช่วยให้สามารถตรวจสอบและควบคุมระบบปรับอากาศและระบบจ่ายอากาศได้อย่างแม่นยำ และช่วยลดความเสี่ยงของปัญหาเกี่ยวกับระบบ นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยของระบบอีกด้วย
Product
งานผลิตเเละติดตั้ง



INSTALLATION AIR SUPPLY SYSTEM
ภาพติดตั้งหน้างาน


INSTALLATION AIR SUPPLY SYSTEM
ภาพติดตั้งหน้างาน


INSTALLATION AIR SUPPLY SYSTEM
ภาพติดตั้งหน้างาน


INSTALLATION AIR SUPPLY SYSTEM
ภาพติดตั้งหน้างาน


INSTALLATION AIR SUPPLY SYSTEM
ภาพติดตั้งหน้างาน


INSTALLATION AIR SUPPLY SYSTEM
ภาพติดตั้งหน้างาน

